กราฟแปรผกผัน

แบบที่ 1 คือ แรงดันเท่ากัน แต่เปลียนค่าความต้านทาน 50 V
ผลที่ได้ R = 1000 ค่าเท่ากับ 0.05
ผลที่ได้ R = 100 ค่าเท่ากับ 0.5
ผลที่ได้ R = 10 ค่าเท่ากับ 5

แบบที่ 2 เปลียนค่าแรงดันและความต้านทาน 30 V,10 Ohm ; 50 V,100 Ohm ; 80 V,1000 Ohm
ผลที่ได้ R = 1000 และ V = 80 ค่าเท่ากับ 0.08
ผลที่ได้ R = 100 และ V = 50 ค่าเท่ากับ 0.5
ผลที่ได้ R = 10 และ V = 30 ค่าเท่ากับ 3
ในวงจรไฟฟ้ากระแสตรงกฎของโอห์มมักจะนำมาใช้อยู่บ่อยๆ เพราะกฎนี้บอกถึงความสัมพันธ์ระหว่าง แรงดันไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าและความต้านทาน ความสัมพันธ์นี้ค้นพบโดยนักวิทยาศาสตร์ ชื่อ ยอร์จ ไซมอน โอห์ม (George Simon Ohm) ซึ่งชื่อของเขาได้รับเกียรติเป็นชื่อหน่วยของความต้านทาน
กฎของโอห์มกล่าวว่า กระแสไฟฟ้าที่ไหลในวงจรแปรผันโดยตรงกับแรงดันที่ป้อนและแปรผกผันกับความต้านทานของวงจร จากกราฟ มีกราฟ 2 แบบ แบบที่ 1 คือ แรงดันเท่ากัน แต่เปลียนค่าความต้านทาน ส่วนแบบที่ 2 เปลียนค่าแรงดันและความต้านทาน แต่สองกราฟที่เหมือนกันคือ จะมีค่ากระแสไฟฟ้าที่เปลียนไปตามค่าความต้านทาน ถ้ามีค่าความต้านทานมากกระแสไฟฟ้าจะใหลน้อย ถ้ามีค่าความต้านทานน้อยจะมีกระแสไฟฟ้าใหลมาก
การเขียนสมการตามกฎของโอห์ม
จากความสัมพันธ์ที่เป็นเชิงเส้นระหว่างแรงดันและกระแสสามารถนำมาเขียนเป็นสมการง่ายๆได้ดังนี้
แรงดัน (โวลท์) = กระแส (แอมป์) X ความต้านทาน(โอห์ม) หรือ E = I x R
ในสมการนี้เพียงแต่เรารู้ค่า 2 ค่าเท่านั้นเราจะสามารถหาค่าที่สามได้ เช่นถ้ารู้กระแสและความต้านทาน ต้องการหาค่าแรงดันให้ใช้สูตร
E = I x R
ในสมการนี้เพียงแต่เรารู้ค่า 2 ค่าเท่านั้นเราจะสามารถหาค่าที่สามได้ เช่น
ถ้ารู้กระแสและความต้านทาน ต้องการหาค่าแรงดันให้ใช้สูตร E = I x R
ถ้ารู้แรงดันและความต้านทาน ต้องการหาค่ากระแสให้ใช้สูตร I = E / R
ถ้ารู้แรงดันและกระแส ต้องการหาค่าความต้านทานให้ใช้สูตร R = E / I